นายโชติ chaiyawut

วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประสบการณ์ ไข้เลือดออกกับใบมะละกอ กรกฎาคม 2558

บันทึกเรื่องการพบกับไข้เลือดออกของฉัน ชนุภณ ยอดสมัย
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม 2558
    เป็นช่วงที่มีฝนตกเต็มพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เช้าวันนี้ออกไปส่งลูกชายที่โรงเรียนตามปกติ ขากลับเจอฝนตกมา 2 ชุด กลับมาถึงที่พักแล้วรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว เลยไปอาบน้ำ กินยาขมไป 4 เม็ดแล้วนอนพัก ช่วงบ่ายของวันนี้มีอาการไข้ขึ้นมาชัดเจน พร้อมๆกับอาการเมื่อยแขนทั้งสองข้าง
พอเย็นก็ออกไปทำงานตามปกติ

วันพฤหัสที่ 9 กค 58 
   อาการไข้ยังมีเหมือนเดิม แถมเพิ่มเมื่อยขาทั้งสองข้างขึ้นมาอีก เลยวันนี้เปลี่ยนยาเป็นไทลินอล 2 เม็ดตามความเคยชิน 

วันศุกร์ที่ 10 กค 58
   อาการไข้ เมื่อยขา เมื่อยแขน มีมากขึ้นกว่าวันก่อนๆ กำลังคิดอยู่ว่าไข้คราวนี้แตกต่างไปจากไข้คราวก่อนๆที่เคยเป็น ปกติเวลาเราเป็นไข้สักสองวันให้หลังก็เริ่มเจ็บคอหรือไอ แล้วมีคัดจมูกบ้าง แต่นี่กลับไม่มีอาการของเกลอเก่าเหล่านี้เลย แต่ก็ยังพอไหว ยังมีกำลังสมบูรณ์ถีบเตะได้ตามปกติจึงไปทำงานต่อ

วันเสาร์ที่ 11 กค 58
    วันนี้อาการเดิมยังอยู่ ไทลินอลหมดแผงไปแล้ว 10 เม็ด ไข้ก็ยังไม่เบาลงมาแล้วก็หาย พอหมดรอบยาถ้าไม่กินยาชุดใหม่เข้าไปก็เริ่มจะไม่มีกำลังจะทำอะไร ตอนนี้รู้สึกว่าอยู่ได้เพราะยา. ความสงสัยว่าเราเป็นอะไรกันแน่เริ่มมากขึ้น วันนี้เริ่มมีอาการคล้ายถูกของแหลมเล็กมาจิ้มเบาๆตามต้นขา หลัง แขน แต่พอดูแล้วก็ไม่เห็นมีตัวอะไร พอหาไม่เจอก็เลยเลิกสนใจมันไป มารู้ทีหลังว่ามันเป็นอาการเริ่มแรกก่อนที่ผื่นคันจะมา

วันอาทิตย์ที่ 12 กค 58
   วันนี้มีภาระกิจไปวัดที่ถลาง เลยลุกขึ้นแต่เช้าไปอาบน้ำ เลยเห็นว่าที่หลังรักแร้ซ้ายมีผื่นแดงๆขนาดฝ่ามือขึ้นมา ก็นึก ว่าเราไปทำอะไรมาหว่าเมื่อวานก็สอนแต่พื้นฐานมวยไม่ได้มีการเข้าคู่ปะทะกับใครเลย แล้วรอยนี่มาจากไหน พอยกแขนข้างขวาดู เออมันก็มีเหมือนกัน ตำแหน่งเดียวกันเป๊ะแต่ขนาดย่อมกว่าด้านซ้าย เอานิ้วจิ้มๆดูก็ไม่เจ็บ คิดว่ากลับจากวัดแล้วค่อยไปหาหมอสักทีดีกว่าอาการมันมาแปลกๆแล้ว

    ช่วงบ่ายขับมอเตอร์ไซค์ไปหาคุณหมอ หมอซักอาการเบื้องต้นแล้วคุณหมอบอกมีโอกาสเป็นไข้เลือดออกนะครับ หมอขอดูรอยผื่นที่ว่าหน่อยครับ พอเปิดให้คุณหมอดู หมอก็บอกเลยครับ อันนี้มันผื่นไข้เลือดออกแน่นอนครับ เดี๋ยวไปเจาะเลือดส่งตรวจที่แลป แล้วหมอจะโทรไปตามเมื่อผลเลือดมานะครับ ตอนนี้ให้กลับบ้านไปพักผ่อนได้ก่อน และให้หยุดทานยาที่ทานอยู่ทุกอย่างก่อน งดของดำๆแดงๆด้วย ครับหมอ

    แล้วผมก็กลับมานอนพักที่บ้าน มามีปัญหาก็ตรงที่ถ้าครบรอบยาคือ 5 หรือ 6 ชั่วโมงนี่ยารอบก่อนมันกำลังจะหมดฤทธิ์ ต้องเติมยาใหม่ แต่คุณหมอสั่งให้งดยา ผมกินยารอบที่แล้วไปตอน 10.00 น.  ตอนนี้มัน 15.00 น. แล้วมันก็เริ่มไข้ขึ้น เริ่มหนาวมาทีละนิด นอนก็ไม่หลับแล้วทีนี้ แล้วมันก็เพิ่มของมันมาเรื่อยๆจนเวลา 17.00 น. คุณหมอก็โทรมาแจ้งว่าผลเลือดออกมาแล้วครับคุณชนุภณ คุณเป็นไข้เลือดออกนะครับ ให้เข้ามาพบหมอด่วนเลยครับ

    พอผมไปถึงคุณหมอก็เอาผลตรวจเลือดของผมมาให้ดู พร้อมอธิบายให้ฟังว่า คนปกติเขาจะมีเกร็ดเลือด แสนห้าขึ้นไป แต่ของผมมีตอนนี้แสนสอง ก็อยู่ในภาวะไม่ค่อยดีนะครับ คุณหมอถามว่ายังทานข้าวได้ไหม ผมตอบว่าได้ตามปกติครับ หมอก็เลยบอกว่าก็กลับไปเฝ้าระวังที่บ้านต่อได้ แต่ถ้าทานข้าวเองไม่ได้ ก็ต้องมานอนหยอดน้ำเกลือที่นี่ แล้วหมอก็จัดยาพารา ผงเกลือแร่มาให้แล้วผมก็กลับมาบ้านอีกครั้ง
     
       กลับมาถึงบ้านจัดไทลินอลก่อน 1 เม็ดเพราะขาดยามาสองชั่วโมงแล้วคราวนี้ไม่ทาน 2 เม็ดเหมือนวันเเรกเพราะพอรู้แน่ว่าเป็นไข้เลือดออกก็คงยาวต้องกินอีกหลายวัน ถ้ารอบละ 2 เม็ด ตับฉันคงจะบ่นน่าดู. แล้วก็ทานข้าว เอาละสิทานไม่ได้ครับ กลิ่นอาหารมันเปลี่ยน รสก็เปลี่ยนกินได้ 2 คำก็จะอ๊วก เลยเปลี่ยนไปกินขนมปัง แต่พอกินไปเจอไส้ขนมซึ่งหวานปกติกินได้. แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันหวานมากกว่าเดิมอีก เลยกินต่อไม่ได้ แฟนซื้อราดหน้ามาให้ กินไม่ได้ครับ รู้สึกเค็มมาก สุดท้ายมาทานได้เป็นเรื่องเป็นราวกับ เส้นหมี่ขาวไวไว มาอันนี้ไม่ต้องใส่เครื่องปรุงกินแบบจืดๆอันนี้กินได้ ผ่าน

     ช่วง สี่ทุ่มจนถึงตีห้าเป็นช่วงใช้แรงงานภรรยา และช่วงโหดสุดในทริปนี้ของผมครับ ไข้ขึ้นที่ 40 องศาตลอดเช็ดตัวรอบละครึ่งชั่วโมง มันก็ลงหน่อยๆแล้วก็กลับมาที่  40 อีกจนภรรยาต้องพาไปอาบน้ำสองรอบ มันก็ลงให้มาหน่อยมา 38.7 พอประเดี๋ยวมันก็มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆ 39 อีก สติไม่ค่อยรับรู้มากนัก หนาวตอนโดนผ้าเช็ดตัวแบบหนึ่ง พออยู่เช็ดก็หนาวอีกแบบหนึ่ง พอเหนื่อยจนหลับ ก็ฝันชนิดที่เรียกว่าเพ้อเจ้อครับ มั่วๆมากเหมือนอยู่ในที่ๆทิศทางกลับหัวกลับหาง ฝันว่าเดินออกมาจากด้านที่มันตันแล้วกลับเดินย้อนมาแต่มันมาโผล่อยู่ด้านบนห้อยหัวยืนได้. ฝันแบบนี้ตอนไม่มีไข้ไม่เคยมีเลยสักครั้ง พอตีห้ามาถึงไข้ก็ลงมาอยู่ที่ 37.1 ความฝันหายไปหมดไม่มีมาอีกเลย

        วันจันทร์ที่ 13 กค 58
    วันนี้ไข้ลดทุกอย่างกลับมาดีขึ้นกินอาหารอย่างอื่นนอกจากหมี่ขาวได้แต่รสชาดก็จังเปลี่ยนอยู่นิด ที่แปลกมาคืออาการคันครับ มามากและรุนแรง จนบางระรอกถึงกับสะดุ้งก็มี เราก็เลยใช้คาราไมล์แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะยังคันอยู่เหมือนเดิม ไปตรวจเลือด ผลออกมา 110,000 ลดลงมาหน่อยนึง
        วันอังคารที่ 14 กค 58
   ไข้ไม่มีเลยครับวันนี้หยุดไทลินอลแบบราบคาบ เหลือแต่คันคะเยออย่างเดียว แต่ก็มีปัญหาใหม่ครับผลเลือดประจำวันนี้ 59,000 หา เมื่อวานมีแสนกว่าวันนี้ไหงหายไปครึ่งละครับ คุณหมอขอพบตัวคุณชนุภณด้วยคะ
   ไปคุยกับคุณหมออยู่พักใหญ่เรื่องจะส่งตัวไปโรงพยาบาลดีไหม แล้วก็ออกมาว่าตอนนี้ดูรวมๆแล้วผมดีขึ้นมากไข้ไม่มีแล้ว การปวดเมื่อยหายไปหมด เหลือแต่ยังคันอยู่ ก็ให้ระมัดระวังมากๆเพราะเกร็ดเลือดต่ำมากหากเลือดออก มันจะไม่หยุด คุณอาจกลับมาหาหมอไม่ทันนะ ถ้ามีอาการผิดปกติ วูบ หรืออาเจียนเพิ่มมาอีกให้ไปโรงพยาบาลเลยนะ. ถ้างั้นก็กลับบ้านได้ แต่ต้องระวังอุบัติเหตุกันหน่อย
     กลับมาถึงบ้านนึกถึงคำพี่ระ แกโทรมาบอกให้หาใบมะละกอมาปั่นกินน้ำวันละครึ่งแก้วแล้วไข้เลือดออกจะหาย ก็เลยไปหาข้อมูลเรื่องใบมะละกอกับไข้เลือดออก พบข้อมูลของหมอสมยศ ซึ่งหมอสมยศแกว่าใบมะละกอจะช่วยเพิ่มเกร็ดเลือดได้ทำให้ผู้ป่วยไข้เลือดออกรอดตายได้ เลยออกไปหาใบมะละกอมาลองทำดู. เอามาได้สามใบ มาฝานแล้วปั่นเอามาคั้นอีกทีกลิ่นก็เหมือนมะละกอที่เราทานผลนีแหละครับ แต่รสนี่ขมเอาเรื่องเลยทีเดียว แต่ยังดีที่ผมมีน้ำผึ้งติดบ้านอยู่บ้างพอกินน้ำใบมะละกอเสร็จก็ตามด้วยน้ำผึ้ง 1 อึกทันที หายขมเป็นปลิดทิ้งครับ วิธีผมมันแปลกๆหน่อยแต่ผมก็ทำไปแล้วและดีด้วย
     วันพุธที่ 15 กค 58
   วันนี้รอลุ้นผลการทดลองมะละกออย่างเดียวเพราะเมื่อคืนผมจัดไป สองแก้วถ้าดีจริงวันนี้ต้องดีกว่า เวลา 15.00 น. ผลเลือดออกมา 77,000 ครับ ครับมันได้ผลหรือบังเอิญก็ไม่รู้ รู้แต่วันนี้ผมต้องออกไปหาใบมะละกอมาอีก. คุณหมอบอกว่าดูท่าทางมันจะขึ้นกลับมาเป็นปกติ งั้นขอเจาะพรุ่งนี้อีกครั้งถ้าขึ้นมาก็ปิดเคสได้เลย
     วันพฤหัสที่ 16 กค 2558
   ผลเลือดวันนี้ 150,000 เป๊ะๆ คุณหมอกล่าวแสดงความยินดีและปิดเคสไข้เลือดออกของผมลงเรียบร้อยครับ
เขียนวันที่ 16 กค 2558

วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

การขึ้นครูมวยไชยา ในมวยไชยาบ้านครูแปรงรุ่นแรกอย่างเป็นทางการเมื่อ 26 มกราคม 2548


การขอฝากตัวเป็นศิษย์ครูแปรง ในพิธีขึ้นครูมวยไชยา ที่บ้านริมคลอง ของครูแปรง

เมื่อ วันพฤหัสที่ 26 มกราคม 2548

รุ่นนี้จัดพิธีตามธรรมเนียมฤกษ์วันครู พฤหัสบดีครับ เป็นการจัดขึ้นครูมวยไชยารุ่นแรกๆ เลยมีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องของผมหลายๆท่าน ที่ชัดๆก็มีพี่ยิ่ง พ่อล่อม แม่จ๋า กุ๊ก พี่ระ พี่เอ พี่ตัก แตงไทย นุ่น แล้วก็พี่ๆอีกสองสามท่าน รวม 13 คนตามภาพถ่ายนี้ครับครู บรรยากาศวันนั้นมีการจัดขันธ์ 5 ซึ่งเราส่วนใหญ่ก็มานั่งจัดกันที่ลานฝึกข้างบ้านครู ดอกไม้ 5 สี ดอกมะเขือนี่เดินหากันหลายซอยครับ พอจะหาแล้วไม่ค่อยมี แล้วมานั่งเลือกหาเกลือตัวผู้ บางคนก็หามาไม่ครบก็ต้องวิ่งออกไปหามา บางคนไม่มีขันมาครูก็ให้ยืม บางคนก็ไม่ได้เอาผ้าขาวม้ามา ก็ยืมเอาของครูอีกที พอตรวจดูว่าทุกๆคนมีขันธ์ 5 ครบแล้วก็พากันขึ้นไปกล่าวสัจจะกับครู พอครูให้สอดเส้นด้ายเข้าเข็มก็นั่งเพ่งกันจนหัวเกือบชนกัน (แต่ผมเลือกเข็มที่รูโตๆไป เลยเสร็จก่อนพรรคพวก)

 แล้วก็เรียงแถวกันเริ่มจากพี่ใหญ่ก่อน เข้าไปกราบขอเรียน ดื่มน้ำสาบานว่าจะทำตัวเป็นศิษย์ที่ดี และให้สัจจะกับครูไว้ตามโองการคำขอขึ้นครู แล้วครูก็ประสิทธิ์ให้ทีละคน หลังจากครบทุกคนแล้วครูก็ให้โอวาทสักครู่หนึ่ง ครูก็ให้พวกเราไปรวมตัวกันที่ลานฝึกมวย ให้พ่อล่อมกับแม่จ๋าเดินย่าง ลดล่อเข้าหากัน แล้วครูก็เรียกรุ่นพี่คนนึงขึ้นมาเพื่อสาธิตไม้กลมวยสำคัญให้กับพวกเราในวันนั้นทั้งหมดดูครับ แล้วเราก็ล้อมวงกันกินข้าวที่พี่อิ๋วจัดเตรียมไว้ให้ครั


บูชาพระก่อนเริ่มพิธีขึ้นครูมวยไชยา







 ครูเจิมกระหม่อม และรับขัน ๕ จากพวกเราทุกคน





ขั้นตอนการดื่มน้ำสาบาน ว่าจะเป็นคนดีเชื่อฟังคำสั่งสอนของครู และจะไม่คิดคดอกตัญญูครูเด็ดขาด



 ครูแปรงให้โอวาทแก่พวกเรา


 ตัวผู้เขียนเองขณะนั้นกับครูแปรง



เบื้องหลังการจัดเตรียมขัน ๕



พวกเรากำลังดูแฟ้มประวัตนักเรียนที่มาลงทะเบียนเรียนมวยไชยาจากครูแปรง


 หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลง ครูแปรงได้ให้รุ่นพี่สาธิตการใช้มวยไชยาให้เราดู







 ·

การฝึกมีดสั้นครั้งที่ 1 เมื่อ 5 ตุลาคม 2548 ณ บ้านครูแปรง มวยไชยา


เรื่องมีดสั้น รุ่น ๑ 

ช่วงวันที่ 5 ตุลาคม 2548 ถึง วันที่ 11 ตุลาคม 2548 หลังจากงานรับน้องผ่านพ้นไปเมื่อเดือนพฤษภาคม 2548 ครูแปรงท่านก็อยากจะให้มีการฝึกมีดสั้นขึ้นก็เลยจะเริ่มที่พวกผู้ช่วยครูฝึกในขณะนั้นก่อน มีพี่พงษ์ พี่ตัก พี่ป๊อป และตัวผมเองที่โชคดีที่ครูอนุญาตให้เข้ารุ่นมีดสั้นรุ่นหนึ่งด้วยเป็นคนสุดท้าย
เริ่มฝึกเราถูกนัดให้ไปรวมตัวกันที่บ้านริมคลองในการฝึกวันแรก เรามาครบกันทั้งสี่คน ตอนเริ่มฝึกมีครูแปรงลงมาเป็นประธานการฝึกและควบคุมการฝึกเอง ให้ใช้มีดเหน็บที่ทำจากเหล็กแหนบในการฝึกปลายแหลม คมมีนิดๆ แบบประมาทไม่ได้
พวกเรานุ่งกางเกงขาก๊วย คาดผ้าขาวม้าตามคำสั่งครู แล้วเริ่มฝึก ครูสั่งพลิกเหลี่ยมหลบมีดเยอะมากจน เท้าเราพองน้ำตั้งแต่วันแรกที่ลานปูนบ้านริมคลองนี่เลย ฝึกกันจนเย็น 





วันที่สองครูแปรงมีคำสั่งให้พวกเราทุกคนย้ายไปฝึกกันที่ สยามยุทธ์ยิม คลองตัน ตั้งแต่วันที่ ๒ ของการฝึก ถึงวันที่ก่อนวันจบของการฝึกเราจึงกินนอนฝึกอยู่ที่ สยามยุทธ์ยิม ส่วนวันสุดท้าย  ภาคสนามครูให้ไปฝึกที่ สนามกกท.หัวหมาก






วันที่ ๔ เราคือผม กับพี่พงษ์ ส่วนใหญ่เราจะฝึกกันอยู่สองคนเพราะพี่ป๊อปอ๊วก จนเป็นลมหลับไปแล้ว ส่วนพี่ตักก็ถอนตัวออกจากการฝึกไปก่อนหน้านี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นคนยืนหลับไปแทงมีดไปจากพี่ป๊อป ก่อนหมดสภาพฝึกชั่วคราว





วันสุดท้าย ภาคสนามเราไปฝึกที่ข้างสนามราชมังคลาก่อนในช่วงเช้า ตรงนี้มีพี่ป๊อปมาด้วยแต่ไม่ได้ฝึกเต็มที่นัก  มีผมกับพี่พงษ์ฝึกกันอยู่ ๒ คน เป็นส่วนมาก





ช่วงบ่ายของวันสุดท้าย ย้ายไปที่ลานฝึกไทเก็ก ในสวนหลังสนามยิงปืนเป้าบิน ที่เดียวกับที่ครูแปรงให้ผมไปดูแลการสอนมวยไชยาในกกท หัวหมาก





ครูแปรงบอกว่า จะช่วยกันเข็นป๊อปให้จบรุ่น โช กับ พง ไปตามป๊อปมาสอบท่าครั้งสุดท้าย พี่ป๊อปฮึดสู้แข็งใจเข้ามาสอบท่าครั้งสุดท้ายกับเรา พี่ป๊อปผ่าน การแทง การปาด จากพี่แหลม พี่วี มาได้ แต่พอมาถึงครูแปรง ผู้ลงมือคนสุดท้าย พี่ป๊อบใช้วิธีการตบมีดด้วยมือเพื่อหลบการแทง ผลปรากฎว่ามีดแทงมือเข้าไปสักนิ้วได้ เลือดโชกเลยทีเดียว เราที่เหลือเลยว่ากันต่อจนเย็น





ช่วงค่ำ ครูแปรง ได้มอบชุดฝึก ผ้าแดง สำหรับเป็นเครื่องหมายว่าจบมีดสั้นรุ่น ๑ แล้ว 
















































































บันทึกของข้าพเจ้าในขณะฝึกมวยไชยา บ้านครูแปรง การรับน้อง 1 พฤษภาคม 2548



วันนี้ 18 มกราคม 58 เขียนเรื่องรับน้องครั้งที่ ๑ ของบ้านครูแปรงช่วง วันที่ 1 พฤษภาคม ปี 2548 ครูแปรงจัดให้มีการรับน้องขึ้นครั้งเเรกในสำนักเพื่อความสามัคคีกลมเกลียวในหมู่คณะ ต้องการสร้างระบบให้แข็งแรงเหมือนที่ชมรมอาวุธไทยรามคำแหงเคยเป็น ในสมัยที่ครูแปรงไปฝึกในราม
เราได้ค่ายรับน้องที่ จังหวัดชลบุรี สำนักสงฆ์โปร่งฟ้าหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เจ้าสำนักสงฆ์เป็นพระมีคาถาอาคม ท่านสร้างตะกรุด 3 ชั้น 9 ชั้น ได้มีชื่อดัง จนรุ่นพี่ของเราในขณะนั้น คือพี่พงษ์ สมพงษ์ ดิษฐกระจัน ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อ เป็น ฌาณ ดิษฐกระจัน ได้ไปติดต่อเสาะหาหลวงพ่อ แล้วก็ฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเรียนการทำตะกรุดจากหลวงพ่อท่านนี้ และเห็นว่าสถานที่เป็นป่า มีอาณาเขตเหมาะสมกับการรับน้องของสำนักเรา เมื่อนำเข้าที่ประชุมสำนัก และครูแปรงอนุญาต จึงมีการจัดการรับน้องขึ้น เนื่องจากครูแปรงมีแผนที่จะจัดหลักสูตรมีดสั้นขึ้นด้วย แต่มีข้อแม้ว่าผู้ที่จะเข้าฝึกมีดสั้นในขณะนั้นจะต้องผ่านการรับน้อง และฝึกมวยจนมีขุมที่ดีพอสมควรเสียก่อน
พวกเราส่วนใหญ่ที่ทราบข่าวก็ต้องการจะสมัครเข้ารับน้องด้วยกันทั้งสิ้น แต่การรับน้องนั้นครูไม่ได้บังคับว่าจะต้องผ่านการฝึกมวยมาอย่างดีมาก่อนจึงจะเข้ารับน้องได้ การรับน้องครั้งแรกนี้จึงมีหลายๆคนที่ไม่เคยฝึกมวยไชยามาเลยสักครั้งซึ่งก็ได้เข้ารับน้องด้วยหลายๆคน

 เช้าวันแรกของการไปรับน้อง พวกเรานัดรวมตัวกันที่หน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง มีรถครูแปรงคันบีเอ็มสีดำคันนึง รถพี่แหลม ศักย์ภูมิคันนึง รถอาจารย์ชูเดชคันนึง รถพี่ยิ่งคันนึง นัดกัน 7.30 น. แต่กว่าจะได้ออกเดินทางก็รอๆคนนั้น รอคนนี้อยู่ จนราว 9.00 น. จึงได้ออกเดินทาง เส้นทางที่เราไปในช่วงท้ายๆนั้นเริ่มขลุกขลัก ถนนยางมะตอยหายไป เเละมีเพียงถนนลูกรัง แดงๆ มีหลุมเยอะๆออกมาต้อนรับเราแทน

พอไปถึงรถยังไม่ทันจอด เสียงนกหวีดก็ดัง รุ่นพี่ตะโกนสั่งให้น้องทุกคนลงจากรถ ไปเข้าแถวกลางถนน วันนั้นฝนตกซะหนักก่อนเรามาถึง และยังตกอยู่พอสมควรตอนเราเข้าแถว พอพวกเราเข้าแถว รุ่นพี่ ตอนนั้นมี พี่แหลม พี่ยิ่ง พี่ป๊อป มาคุมแถวเรา เขาแบ่งพวกเราออกเป็นสองกลุ่ม วิธีที่พวกเขาใช้แยกเราคือให้เราจับคู่หาคนที่เราถูกใจ แล้วค่อยจับเราแยกอีกที แล้วก็มีการละเล่นเริ่มออกมา เริ่มจากผู้คุมชุดฝึก สั่งให้เราแปลงร่างเป็นซุปเปอร์แมน ให้เอากางเกงในมาไว้ข้างนอกให้เร็วที่สุด เราก็วิ่งเข้าป่าไปจัดมาคนละชุด ซุปเปอร์แมนไชยาแต่ละคนก็คนละแนวตามสีกางเกงใน

พอมาฐานที่สอง อันนี้พี่แหลมคุม แกว่าฝนตกพอดี น้ำเปียกๆ มันต้องมีปลาหมอ เลยสั่งให้พวกเรานอนลงเอามือไพล่หลังแล้วแถกไปตามทางดินลูกรังที่เปียกแฉะ พอมาได้สัก 30 เมตร พี่แหลมก็เปลี่ยนคำสั่ง ให้พวกเราเดินเหี้ย พวกเราไม่มีใครเคยรู้จักเดินเหี้ยมาก่อนเลยทำไม่ได้เลย พี่แหลมก็เลยสาธิตให้เราดู แกลงพื้นเหมือนวิดพื้นท่าเตรียม แล้วแกก็ยกแขนข้างนึงขึ้นชูนิดนึงแล้วเอียงตัวขยับขาเดินวัดพื้นไปข้างหน้าด้วยแขนและปลายเท้า โดยไม่ให้ตัวแตะพื้น ซึ่งพวกเราเห็นแล้วก็พากันขำเพราะมันเหมือนจริงๆ

พี่พงษ์แกก็นั่งอยู่ข้างผม แกก็แกล้งถามพี่แหลม แกว่าผมยังไม่เข้าใจพี่ พี่ทำให้ดูอีกรอบ พี่แหลมยิ้มแล้วเราก็ได้ดูแกเดินเหี้ยให้ดูรอบสอง พอทีนี้ก็ถึงตาพวกเราเดินตามแกบ้าง เหมือนบ้างไม่เหมือนบ้าง แต่เละเทะทุกคน พอเข้าด่านเรือบก กะอะไรๆอีกสักพัก ทั้งเสื้อทั้งกางเกงก็มีแต่สีแดงโคลนสีเดียว

พอครบชุดแรกของวันเสร็จ ครูแปรงก็เรียกรวมพล ครูให้พวกเรามารวมตัวกัน ให้โอวาทแล้วให้พวกเราไปหาหินมาคนละก้อน เล็กใหญ่ก็ได้ตามสะดวก พอหามาได้ ครูก็กล่าวต่อว่าก่อนที่จะฝึกทหารนั้น ตะก่อนมีทั้งเจ้า ทั้งนาย ไพร่ มาฝึกร่วมกันถ้ามีใครสักคนยังถือต้วว่าตนดีกว่าคนอื่น สูงศักดิ์กว่าคนอื่น เผลอๆคิดว่าสูงกว่าครูผู้สอน ก็จะพาลให้ไม่ยอมฝึก และเสียระบบ ครูจึงให้เราใช้หินนั้นแทนยศและศักดิ์ของเราที่มี เเละเมื่อวางหินใส่ขันแล้ว เราทุกคนมีสภาพเสมอกัน เป็นเพียงผู้ฝึกทหารเหมือนกัน

เมื่อวางหินแล้วครูก็ให้กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ ตามกฏสำนัก แปดข้อ แล้วก็มีเพิ่มข้อ 9 พิเศษขึ้นมาในครั้งนี้ ทุกคนต้องดื่มน้ำแช่หอก แช่ดาบ สาบาน แล้วครูก็กล่าวเปิดการฝึก

การฝึกก็จะเป็นด่านๆ เหมือนค่ายลูกเสือแต่หนักกว่าหน่อย มีหลายด่านผมก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง ทุกคนได้รับไม้หวายคนละท่อนตอนแรกก็เอาเชือกผูกไว้ต่างปืนยาว หลังๆก็เอามาถือเป็นดาบ เพราะมีฐานดาบเดี่ยวที่พี่ป๊อปคุม ของพี่ยิ่งจะเป็นด่านคล้องเชือก ของพี่แหลมเป็น ด่านอับราฮัม ร้องเพลงเต้นรำหมุนเอวตามสไตล์พี่เขา

ที่จำได้ดีก็คือ เดินขึ้นยอดเขาหัวโล้น ระหว่างทางก็ไปเจอด่านต่อหลอดให้สูงที่สุด พอผ่านด่านนี้ก็กินข้าวเที่ยงของวัน ข้าวที่ว่าก็คือ ถั่วเม็ดสีน้ำตาลคลุกเกลือป่น กับข้าวสวย ทั้งหมดเอามาคลุกรวมกันบนถุงพลาสติกสีขาว แต่ก็อร่อยดีเหมือนกัน

พอกินเสร็จก็มุ่งหน้าขึ้นยอดเขา พอไปถึงยอดเขาได้สักครู่เดียว เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า ลมฝนราวพายุก็เข้ามาถล่มเราอย่างหนัก ได้ยินเสียงตะโกนให้ลงจากเขาทันที ทีนี้แหละ ทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องต่างกระโจนลงจากยอดเขาลูกนั้นแทบไม่เป็นกระบวน บางคนไถลลงเขาอย่างกะสไลเดอร์ทีเดียว